ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เป้าหมายที่สำเร็จ มาจาก เป้าหมายที่ไม่สำเร็จ

        


     ช่วงใกล้ปีใหม่จะมี สิ่ง ๆ หนึงที่หลายคนมักจะพูดถึง ใน โซเชียวมีเดีย ต่าง ๆ คือ การตั้งเป้าหมายในปีต่อไป จะมี กูรู
คนประสบความสำเร็จ หลาย ๆ คน ออกมาแสดงความเห็น หรือ แนะนำการตั้งเป้าหมาย ก้นหลายคน  เท่าที่เคยเห็นข้อมูล หลาย ๆ แหล่งจะมีคนบอกว่า คนส่วนใหญ่จะล้มเลิกเป้าหมาย ภายใน 2 สัปดาห์แรกของปี ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ หากเป้าหมายที่เราตั้งนั้นใหญ่เกินไป หรือไม่สามารถทำให้เสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น เราก็อาจที่จะล้มเลิกไปก่อน  

        คนเรามีสิ่งที่ต้องการหลัก ๆ ในชีวิตไม่มีอย่าง เช่น มีที่อยู่อาศัย (บ้าน/ที่ดิน) มีรถขับ มีงานทำ มีครอบครัวที่อบอุ่น และ มีเงินใช้อย่างเพียงพอ  ต่อการดำรงชีวิต และ ซื้อของที่ต้องการได้โดยไม่เดือนร้อน

        เนื่องจากมนุษย์เป็น สัตว์ที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด ทำให้ เมื่อเรามีสิ่งที่ต้องการ หลัก ๆ ครบแล้ว เราก็มักจะแสวงหา สิ่งอื่น ๆ ที่มาเติมเต็มในด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น ความสะดวกสบาย ความสนุก หรือ ซื้อของฟุ่มเพือย ตามความสนใจ ณ ขณะนั้น

        จะเห็นว่า เป้าหมายคือ จุดหมายที่เราจะต้องเดินทางไป ยิ่งเป้าหมายใหญ่ ยิ่งอยู่ไกล ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก  หาก เป้าหมายเป็นสิ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ หากเราลงมือทำ เป้าหมายนั้นสำเร็จได้ถ้า ไม่ปีนี้ ก็ปีหน้า ถ้าไม่ปีหน้า ก็ปีถัดไป  เมื่อ จังหวะเวลาเหมาะสม เป้าหมายที่เราตั้งใจไว้จะสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะ ความพยามมาตลอดหลายปี ไม่หยุด แม้เป้าหมายไม่สำเร็จต่างหาก  




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สิ่งที่ได้เลือกแล้วดีที่สุดเสมอ

สิ่งที่เลือกแล้วดีที่สุดเสมอ อย่าเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา เพราะนั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นแล้ว

ลำบากวันนี้สบายวันหน้า VS ขี้เกียจวันนี้สบายวันนี้

              ความเป็นมนุษย์ มักจะมีความ ขี้เกียจ เป็นเรื่อง ธรรมดา เพราะสมอง มักจะเลือกทาง หรือ วิธีที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด ซึ่งก็อาจจะเป็นผลดี หากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด            แต่ถ้าเรายอมทำตาม ความสบายที่สมองเลือกให้ตลอด โดยที่ไม่ได้ไต่ตรองดูผลที่จะตามมาให้ดีเสียก่อน ก็อาจเป็นไปได้ว่า หนทางความสบายตรงหน้า เมื่อถึงปลายทาง อาจเป็นความลำบากที่เคย หลีกเลี่ยงมาก็เป็นได้ เหมือนดั่งคำพูด ที่ว่า "ลำบากวันนี้สบายวันหน้า" แต่สมอง อาจจะบอกเราว่า "ขี้เกียจวันนี้สบายวันนี้"            หากเราใช้ความคิด ที่ไม่ใช่อารมณ์ คิดถึงผลที่จะตามมาจากความขี้เกียจนั้น ให้ดีเสียก่อน ความสบายตรงหน้าเมื่ออาจจะนำไปสู่ความลำบากในภายหลัง  เราจึงต้อง ใช้เหตุผล เหนืออารมณ์ในการตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำ เพราะไม่ว่าเราจะเลือก ทางที่ ลำบาก (ลงมือทำ) หรือ ทางที่สบาย (ขี้เกียจในสิ่งที่ควรทำ) สุดท้ายแล้วยังไง เราจะต้องพบเจอ ทั้ง ความสบาย และ ความลำบาก อยู่ดี            แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการเลือกนั้นอาจแต่ต่างกัน หากเปรียบเทียบความ ลำบาก คือ ล้มเหลว สบาย คือ สำเร็จ ก็จะเกิดคำพูดใหม่ ที่ว่า &quo

ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้

                                                             ความกลัว คำนี้ฟังดูแล้ว อาจเป็นคำที่แทนความหมายของ สิ่งที่เราไม่อยากพบเจอ บางทีอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เรา คิด วิตก กังวล กลัวว่ามันจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน  กับ อีกความหมายหนึง คือ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จนไม่กล้าลงมือทำ  ถ้าเรายังไม่รู้  ยังไง ๆ เราก็ต้อง กลัวสิ่งนั้น เช่น กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี กลัวว่ามันจะล้มเหลว หรือ เหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้เรากลัว ไม่กล้าลงมือทำ                                    ซึ่งปัญหา ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ วิธีแก้ เพื่อเปลี่ยนความกลัวเป็นความ กล้า เราก็รู้ ๆ กันอยู่ นั้นก็คือ การหาความรู้เพิ่มเติมนั้นเอง หากสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ เคยมีคนอื่นทำได้ จะมีวิธี หรือ แนวทางที่จะลงมือทำได้ สิ่งนั้นจะมีผู้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ในยุค 4G / 5G ความรู้ เกีอบทุกอย่าง บนโลก อยู่บนมือถือ เพียงแค่ถาม Google  ก็จะมีคำตอบออกมามากมาย เมื่อเรารู้วิธีแล้ว ความกลัวที่จะทำสิ่งนั้นก็จะค่อย ๆ บางเบาลง กลายเป็นความ กล้า และ จะหมดสิ้นไปเมื่อลงมือทำจะเกิดผลสำเร็จ