ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประชุมประจำเดือน

ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในห้องสี่เหลื่ยม อากาศเกือบจะเย็น เนื่องจาก แอร์ปรับอาการ เวลา บ่าย สามโมง เสียงดังแว่วมาจากลำโพงตัวน้อยที่ติดอยู่ด้านบนของเพดานห้อง “ขอเชิญเจ้าหน้าที่ทุกท่านร่วมประชุม 100 % และซ้อมเพลงเชียร์กีฬา หลังจากนั้นก็จะทำการจับฉลากแจก ม่าม่า และ ข้าวสาร” สิ้นสุดเสียง ของท่านผู้อำนวยการ สักครู่ใหญ่ ทุกคนก็มาพร้อมหน้ากันที่ห้องประชุมและในบริเวณโต๊ะที่เต็มไปด้วย อาหาร ขนม นานาชนิด ที่ท่านผู้อำนวยการเตรียมไว้ให้ เพื่อเป็นแรงจูงใจ หรือ จะเป็นการหลอกล่อ ให้เจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม เหมือนจะเป็นทำเนียมไปแล้ว ทุกครั้งที่มีการประชุมก็จะต้องมี อาหาร ของว่าง เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ขบเขี้ยวในระหว่างที่นั่งฟัง ท่านผู้อำนวยการ นำข่าวสารจากการประชุมในระดับจังหวัด หรือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน โรงพยาบาลเล็ก ๆ แห่งนี้ ให้ทุกคนได้รับทราบกัน เป็นประจำทุกเดือน และเรื่องราวในคราวนี้คงหนีไม่พ้น การแข่งขันกีฬาที่จะเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ข้างหน้า

   “ซู่ ซ่า ซู่ ๆ ซ่า ๆ ๆ ปาทัง ก้า ปาทังกี้” เสียงร้องเพลงเชียร์กีฬาดังสนั่นห้องประชุม เจ้าหน้าที่บางคนรับบทเป็น เชียร์รีดเดอร์ จำเป็น เต้นกันอย่างมันสุดเหวี่ยง จนลืมภาพ นักกายภาพบำบัด, แม่บ้าน ,แพทย์แผนไทย และ พยาบาล ไปอย่าง ชั่วขณะ ใครจะไปคิดว่าในโรงพยาบาลที่ทุกคนจะนึกถึงได้ก็ต่อเมื่อไม่สบาย หรือ มาเอาใบรับรองแพทย์ จะมีการร้องเต้นเหมือนกีฬาสีใน โรงเรียน แต่ในปีนี้ทุกคนต่างได้รับหน้าที่กันทุกคนเนื่องจาก โรงพยาบาลของเราได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ซึ่งโรงพยาบาลแต่ละแห่งในจังหวัดจะเวียนกันเป็นเจ้าภาพปีละ 1 ครั้ง ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้เคยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อ 14 ปีก่อน 

   เมื่อเสียงเพลงเชียร์และเสียงกลองจบลงเสียงผู้เข้าร่วมประชุมก็ดังลั่นขึ้นอีกครั้งเตรียมลุ่นรับ มาม่า ยำยำ ไวไว หรือ ข้าวสาร กลับบ้านกันไป คนละ ซองสองซอง ท่านผู้อำนวยการ หรือ หมอ หรือนายแพทย์ ของเราทำหน้าที่จับรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในกล่องสีเหลี่ยมใบเล็กที่เคยใช้จับกันอยู่ทุกเดือน ข้างในบรรจุเศษกระดาษเขียนชื่อ และหน่วยงาน ม้วนเป็นวงกลม อัดอยู่ในกล่องนั้น เสียงขานรายชื่อพร้อมกับเสียงดังของเจ้าหน้าที่ลุ่นกันตัวโก่งว่าใครจะเป็นผู้โชคดี ถึงแม้ของรางวัลจะมีมูลค่าไม่มากแต่การมาประชุมกันในแต่ละเดือนนั้นมันก็ทำให้ความสัมพันธ์ในองค์กรยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น บางคนอยู่ในที่ทำงานเดียวกันก็อาจจะไม่ได้พบกันก็เป็นได้เนื่องจากภาระงานมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาศได้พบหน้าคราตากันพูดคุยกันบ้าง และบรรยากาศในลักษณะเดียวกันนี้ก็จะวนกลับมาในเดือนถัดไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สิ่งที่ได้เลือกแล้วดีที่สุดเสมอ

สิ่งที่เลือกแล้วดีที่สุดเสมอ อย่าเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา เพราะนั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นแล้ว

ลำบากวันนี้สบายวันหน้า VS ขี้เกียจวันนี้สบายวันนี้

              ความเป็นมนุษย์ มักจะมีความ ขี้เกียจ เป็นเรื่อง ธรรมดา เพราะสมอง มักจะเลือกทาง หรือ วิธีที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด ซึ่งก็อาจจะเป็นผลดี หากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด            แต่ถ้าเรายอมทำตาม ความสบายที่สมองเลือกให้ตลอด โดยที่ไม่ได้ไต่ตรองดูผลที่จะตามมาให้ดีเสียก่อน ก็อาจเป็นไปได้ว่า หนทางความสบายตรงหน้า เมื่อถึงปลายทาง อาจเป็นความลำบากที่เคย หลีกเลี่ยงมาก็เป็นได้ เหมือนดั่งคำพูด ที่ว่า "ลำบากวันนี้สบายวันหน้า" แต่สมอง อาจจะบอกเราว่า "ขี้เกียจวันนี้สบายวันนี้"            หากเราใช้ความคิด ที่ไม่ใช่อารมณ์ คิดถึงผลที่จะตามมาจากความขี้เกียจนั้น ให้ดีเสียก่อน ความสบายตรงหน้าเมื่ออาจจะนำไปสู่ความลำบากในภายหลัง  เราจึงต้อง ใช้เหตุผล เหนืออารมณ์ในการตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำ เพราะไม่ว่าเราจะเลือก ทางที่ ลำบาก (ลงมือทำ) หรือ ทางที่สบาย (ขี้เกียจในสิ่งที่ควรทำ) สุดท้ายแล้วยังไง เราจะต้องพบเจอ ทั้ง ความสบาย และ ความลำบาก อยู่ดี            แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการเลือกนั้นอาจแต่ต่างกัน หากเปรียบเทียบความ ลำบาก คือ ล้มเหลว สบาย คือ สำเร็จ ก็จะเกิดคำพูดใหม่ ที่ว่า &quo

ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้

                                                             ความกลัว คำนี้ฟังดูแล้ว อาจเป็นคำที่แทนความหมายของ สิ่งที่เราไม่อยากพบเจอ บางทีอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เรา คิด วิตก กังวล กลัวว่ามันจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน  กับ อีกความหมายหนึง คือ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จนไม่กล้าลงมือทำ  ถ้าเรายังไม่รู้  ยังไง ๆ เราก็ต้อง กลัวสิ่งนั้น เช่น กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี กลัวว่ามันจะล้มเหลว หรือ เหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้เรากลัว ไม่กล้าลงมือทำ                                    ซึ่งปัญหา ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ วิธีแก้ เพื่อเปลี่ยนความกลัวเป็นความ กล้า เราก็รู้ ๆ กันอยู่ นั้นก็คือ การหาความรู้เพิ่มเติมนั้นเอง หากสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ เคยมีคนอื่นทำได้ จะมีวิธี หรือ แนวทางที่จะลงมือทำได้ สิ่งนั้นจะมีผู้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ในยุค 4G / 5G ความรู้ เกีอบทุกอย่าง บนโลก อยู่บนมือถือ เพียงแค่ถาม Google  ก็จะมีคำตอบออกมามากมาย เมื่อเรารู้วิธีแล้ว ความกลัวที่จะทำสิ่งนั้นก็จะค่อย ๆ บางเบาลง กลายเป็นความ กล้า และ จะหมดสิ้นไปเมื่อลงมือทำจะเกิดผลสำเร็จ